8 สิ่งที่ต้องมี หากคิดจะเล่นดนตรี

 
 
 
 

สิ่งที่หนึ่ง : มีความเหมาะสมกันของเครื่องดนตรีและสรีระ-ร่างกาย

เครื่องดนตรีชิ้นไหนที่คุณอยากเล่น อันนี้คุณรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า นอกจากคนจะเลือกเครื่องแล้ว เครื่องเอง
ก็เลือกคนเช่นกัน คนเลือกเครื่องจากความชอบ ..แต่เครื่องเลือกคนจาก "สรีระ" ครับ เครื่องดนตรีบางชนิด มี "สรีระ" เป็น
ตัวชี้วัดว่าคุณจะเล่นมันได้ไหม เช่น เครื่องประเภทเครื่องเป่า (เช่น แซ็กโซโฟน, ทรัมเป็ต) ที่จะฝึกลำบากมากๆ หากรูปปาก
ของคนไม่เหมาะกับเครื่อง หรือกับเครื่องประเภทสายอย่างกีตาร์นี่ก็ช่างเลือกพอๆ กัน ผมมีเพื่อนสาวหลายคนที่อยากเล่น
กีตาร์ แต่ดันเกิดมามีนิ้วมือสั้น จับคอกีตาร์ไม่มิด ก็อดเล่นกันไป (บางคนเปลี่ยนมาเล่นอูคูเลเล่แทน) ฉะนั้นจงศึกษาก่อนว่า
สรีระของเรากับเครื่องมันเหมาะกันไหม ถ้าไม่ได้ แนะนำว่าเปลี่ยนไปเล่นเครื่องอื่นดีกว่า

สิ่งที่สอง : มีเครื่องดนตรีเอาไว้ฝึก

ถ้าคุณจะหัดปั่นจักรยาน คุณก็ต้องมีจักรยาน เพราะ ถ้าไม่มีจักรยาน ก็ไม่รู้จะหัดยังไง หัดเล่นดนตรีก็เหมือนกันครับ จะหัดก็
ต้องมีเครื่อง โดยเครื่องนั้นจะต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ไม่ผุพังจนไม่เหลือสภาพ ถ้าเปรียบเป็นจักรยานก็ต้องเป็นจักรยาน
ที่มีล้อครบ ยางไม่รั่ว โซ่ไม่ขาด สำหรับมือใหม่ เครื่องที่ใช้หัดนี้เอาแค่ใช้งานได้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องเป็นเครื่องระดับเริศ หรู อลังการ ก็ได้ สบายมาก ตอนผมหัดเล่นกีตาร์ ผมไม่มีกีตาร์เป็นของตัวเอง อาศัยยืมเอา ก็ไปยืมจากพี่ข้างบ้านนั่นแหละ
มาหัด จนเป็น ถึงได้ขอตังค์พ่อซื้อตัวใหม่ สูตร "ยืม" นี้ผมไม่สงวนสิทธิ์ถ้าคุณจะเอาไปใช้ครับ แต่เตือนไว้นิดว่าคนทุกคน
หวง ห่วง ของหมดแหละ ถ้ายืมได้ก็ใช้ให้ระวังสุดฤทธิ์ แต่ถ้าไม่รู้จะยืมใคร ก็แนะนำว่าซื้อเถอะครับ ซื้อพวกตัวราคาระดับต้นๆ ถึงกลางก็ได้ ไม่ต้องเอาตัวแพงมาก พวกตัวท้อปเอาไว้ซื้อตอนเล่นเป็นแล้วก็ไม่สาย ปล.โอกาสหน้าค่อยว่ากันในประเด็นวิธีเลือกซื้อนะครับ

สิ่งที่สาม : มีผู้นำทาง

ผู้นำทางก็คือ ครู ครับ
ข้อดีของการมีครู คือ มีคนแนะว่าต้องฝึกยังไง หัดยังไง เริ่มตรงไหน จบตรงไหน แก้ปัญหายังไง ดังนั้น ไปหาครูมาครับ หา
ไม่ยากเลย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีครูนอกโรงเรียนพวก หนังสือ, DVD, คลิป ฯลฯ ...โอ้ย สบายสุดๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเรียนที่ได้ผลที่สุด คือ การเรียนกับครูตัวเป็นๆ นะจ๊ะ

 
 
 
 

สิ่งที่สี่ : มีเวลาฝึก

ต่อให้มีเครื่องดนตรีราคาแพง มีครูเก่งขั้นเทพ คุณก็จะเล่นไม่เป็น ถ้าคุณไม่มีเวลาฝึกตามบทเรียน เวลานี่จำเป็นกับดนตรี
มากครับ การฝึกดนตรีก็เหมือนการออกกำลังกาย ถ้าไม่ทำก็ไม่เห็นผล ดังนั้น จงให้เวลากับมัน ตอนผมหัดกีตาร์ใหม่ๆ ทุกวัน
หลังเลิกเรียน (และเตะบอล) ผมจะขลุกอยู่กับกีตาร์อย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง แล้วไอ้ 2 ชั่วโมงนี่แหละที่ผ่านไป 7 วันผมก็เล่น
กีตาร์โชว์หญิงได้สมใจ ถ้าคิดจะฝึกก็จงหาเวลาให้ได้ อย่างน้อยต้องวันละ 1 ชั่วโมงครับ (และต้องเป็น 1 ชั่วโมงที่ฝึกอย่าง
ตั้งใจด้วย)

สิ่งที่ห้า : มีสถานที่สำหรับฝึก

เพราะเครื่องบางชิ้นมันคอนโทรลความดัง-เบาของเสียงลำบาก โดยเฉพาะพวกเครื่องประเภทเคาะ (พวกสารพัดกลองนั่น
แหละ) ดังนั้น ถ้าเครื่องของคุณมันคอนโทรลเสียงยาก ห้องเก็บเสียง คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด (เชื่อเถอะว่า สำหรับคนอื่น
เสียงตอนซ้อมเนี่ยมันน่ารำคาญสุดๆ มันจะน่าฟังก็ต่อเมื่อเล่นเป็นเพลงแล้วเท่านั้น) จริงๆ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเสียงคุณจะฝึก
ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีอะไรมากวนสมาธิ จะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ หรือห้องอะไรก็ตามสะดวกครับ (ไม่แนะนำให้ทำ
อย่างอื่นขณะฝึก)

สิ่งที่หก : มีใจ

จริงๆ แล้วทุกคนมีใจที่จะเล่นตั้งแต่คิดจะฝึกแล้วละ แต่ด้วยความที่ใจคนมันไม่แน่นอน วันนี้อยาก พรุ่งนี้อาจจะขี้เกียจก็ได้ ใครจะไปรู้ (มันก็ไหลไปเรื่อยตามเรื่องมันแหละ) ดังนั้น เรื่องใจนี่ตัวใครตัวมันเถอะครับ

สิ่งที่เจ็ด : มีอุปสรรค

การฝึก คือ การชนะอุปสรรคให้ได้ ยิ่งฝึกมาก ก็ยิ่งเจออุปสรรคมาก ยิ่งเหนื่อยมาก ยิ่งลำบากมาก แต่มันก็ทำให้เก่งมากไป
ด้วยดนตรีไม่มีทางลัดครับ อยากได้ต้องฝึกเอาเอง

สิ่งที่แปด : มีสุข

จินตนาการภาพตอนคุณเล่นมันเป็นแล้วครับ นั่นแหละ มีสุข

สรุป

แปดสิ่งนี้ คุณขาดตรงไหน ยังไง ก็หามาใส่ให้เต็มนะครับ เชื่อเถอะว่า มันจะทำให้การฝึกเล่นดนตรีหลังจากนี้เป็น ไปอย่าง
ราบรื่นชื่นมื่นหัวใจ สดใจทางอารมณ์ จริงๆ นะ!!!

 
Cr : ณัฐพงษ์ ทองน้อย (ถังเบียร์)
นักดนตรีอิสระ
คอลัมน์นิสต์อิสระ